Pomade ผลิตภัณฑ์ที่หลายๆ คนใช้อยู่ในทุกวันแต่ก็อาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วที่มาของคำว่า Pomade นั้นมาจากอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไรวันนี้ทาง Vast Original จะมานำเสนอให้เราได้รู้จักกันให้มากขึ้น
ประวัติ Pomade คืออะไร
Pomade หรือ โพเมด มีที่มาของชื่อเดิมในภาษาฝรั่งเศษว่า Pomade ที่แปลว่า ครีม ในสมัยโบราณตั้งแต่โรมันก็ได้มีการนำสบู่มาใช้เป็นน้ำมันใส่ผม และในศตวรรษที่ 19 ก็ได้มีการนำเอาไขมันสัตว์เช่น หมี มาเป็นส่วนผสมหลักในการทำน้ำมันใส่ผมซึ่งยังไม่มีกลิ่นเฉพาะตัว เพื่อใช้ในการบำรุงและจัดทรงต่างๆ เราจะเห็นได้ว่า โพเมดนั่นได้ถูกใช้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในอตีด
จนในปี ค.ศ. 2416 บริษัท มอร์แกนส์ โพเมด (Morgan’s Pomade) ของประเทศอังกฤษ ก็ได้จำหน่าย Pomade ในชื่อ แฮร์ดาร์คเทนนิ่งโพเมด ไปทั่วโลก โดยได้ใช้ส่วนผสมที่ทันสมัยมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ปิโตรเลียมเจลลี่ ขี้ผึ้ง และน้ำมันหมู
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นี้เองก็ได้มีแบรนด์ Pomade ได้ออกมาหลากหลายแบรนด์มากขึ้น อาทิเช่น Murray’s Superior Pomade (ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ในตำนานที่ปัจจุบันยังมีชื่อเสียงอยู่), Sweet Georgia Brown Hair Dressing Pomade, Royal Crown Pomade, Dixie Peach Hair Pomade เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นชาวอเมริกันอย่างมากตั้งแต่สมัpสงครามโลกครั้งที่ 2
ความนิยมของ Pomade
ในช่วงที่ Pomade ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจะอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 1920 ถึง 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่ถือได้ว่าวัฒนธรรมการใช้ Pomade ในการจัดแต่งทรงผมและดูแลเส้นผมได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในยุคนั้น Pomade จะเป็น Based ของน้ำมัน หรือ ที่เราเรียกกันว่า Oil Based จะมีลักษณะเป็นเนื้อสีขุ่นข้น มีความเหนียวค่อนข้างมากและละลายไปกับน้ำได้ยาก
จึงทำให้ผมที่จัดทรงมักจะมันและเกาะตัวสูง คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างของ Oil Based อีกอย่างก็คือการ Re comb หรือ การหวีซ้ำเวลาที่เราต้องการจัดทรงใหม่จะสามารถหวีจัดทรงได้อย่างง่ายได้ แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือการชำระล้างเพราะการที่เป็น Based ของน้ำมัน ทำให้ล้างออกได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว ถึงอย่างนั้นในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นและด้วยในยุคสมัยก่อนการสระผมก็อาจจะไม่ได้ทำกันทุกวันอย่างทุกวันนี้ เลยเป็นสาเหตุถึงการได้รับความนิยมมากในอดีต
การกลับมาได้รับความนิยมของ Pomade ในปัจจุบัน
ความนิยมของ Pomade ในปัจจุบันที่เราเห็นกันได้ชัดเจน คือ การที่กระแสความนิยมในวิถี Vintage Style (กระแสย้อนยุค) ไม่ว่าจะเป็นหนัง แฟชั่น หรือแม้กระทั้งดนตรี ก็ทำให้สไตล์ของคนในปัจจุบันหันกลับมามองหา สินค้าย้อนยุคจึงเป็นที่มาของการกลับมาใช้ Pomade อีกครั้ง แต่ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวหน้าก็ทำให้ Pomade ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีความแตกต่างจากในอดีตทั้งในเรื่องของ วัถุดิบ กลิ่น แพ็คเก็จและที่สำคัญ Based ของผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมาเป็น Water Based
ซึ่งมีจุดเด่นในการล้างที่ง่ายมาก แต่ยังคงประสิทธิภาพการจัดทรงได้ดี ถึงอาจจะไม่ดีเหมือน Oil Based ก็ตาม แต่ก็ทำให้ Pomade กลับมาได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แบรนด์ที่สร้างความต่างและทำการตลาดออกมาได้ดีมากๆ ก็คือ suavecito ที่ใครหลายๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีด้วยรูปลักษณ์ที่ร่วมสมัยการโปรโมทที่โดดเด่นโดนใจวัยรุ่น จึงทำให้แบรนด์นี้โดงดังในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ก็ยังมีแบรนด์ที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Bona Fine, layrite, Lock Hard, imperial และอีกมากมาย ซึ่งในแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
กลุ่มนักเล่น Pomade
ในกลุ่มนักเล่น Pomade เองก็จะมีการทำกลุ่มขึ้นมาของแต่ละประเทศโดยอย่างในประเทศไทยเองก็จะมีกลุ่ม Pomade Talk & Trande ที่จะใช้ไว้สำหรับซื้อขาย Pomade แบรนด์ต่างๆ และรีวิว โดยส่วนใหญ่ก็จะให้ความสนใจไปยังแบรนด์ที่ผลิตมือ หรือ ที่เรียกกันว่างาน Home Brewers ซึ่งก็คือเป็นการผลิตในสเกลเล็กและผลิตเป็นล็อต
ซึ่งสินค้าประเภทนี้จะมีความต้องการของกลุ่มนักเล่นค่อนข้างสูงด้วยความที่ว่าเป็นงานที่มีคุณค่าทำมาแค่จำนวนจำกัด หรือ รับ Order มาแล้วค่อยเริ่มผลิต ซึ่งตัวของแบรนด์ Vast Original เองก็ใช้วิธีการผลิตในรูปแบบนี้เช่นกัน เพื่อการสร้างมูลค่าและความใส่ใจต่อผู้ใช้
การจัดทรงและระดับความอยู่ทรง
ในการจัดทรงของ Pomade เองก็สามารถทำได้หลายวิธีแต่ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปในการหวีให้ผมดูเรียบในบุคลิคแบบเนี๊ยบๆ การจัดทรงในสไตล์อื่นอาจจะทำได้ยากสักหน่อย ทรงที่คนส่วนใหญ่จะนิยมทำกันในบ้านเราก็คือ Pompadour, Side Part, slick back เป็นต้น
ความอยู่ทรงของ Pomade เองนั้นก็จะมีระดับต่างๆ ที่เราใช้ เรียกกัน เช่น Heavy Hold คือระดับการจัดทรงที่ทนมากที่สุด medium Hold คือระดับการจัดทรงระดับปานกลางไม่แน่นเกิน หรือ หลวมเกิน Light Hold คือระดับแบบเบาๆ ไม่เน้นแน่นแต่สบายหัว เป็นต้น
การใช้งาน
วิธีการใช้ Pomade นั้นอย่างที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ข้างบน คืนเน้นการใช้หวีในการเป็นตัวช่วยจัดแต่งทรงผม เราจะเริ่มด้วยการใช้มือควักเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาแล้วชะโลมให้ทั่วผมแล้วจึงเริ่มหวีจัดทรงให้ออกมาตามทรงที่เราตั้งใจเอาไว้ ตัวช่วยในการแต่ผมส่วนหน้าก็จะมีหวีเสยช่วยได้ครับ การจัดแต่งไม่ต้องรีบร้อนผลิตภัณฑ์ที่ดีจะไม่แห้งเร็วเหมือนเยวที่มีความแข็งตัวเร็ว แต่จะให้เวลาในการจัดทรงได้เรื่อยๆ
สรุป
Pomade เป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดแต่งทรงผมได้ดีในแบบของเขาเองคือการหวีทรงแบบ Vintage wet look แต่ข้อจำกัดของเขาก็คือการจัดแต่งทรงผมในรูปแบบอื่นๆ อาจไม่ตอบโจทย์โดยเฉพาะทรง Modren ทั้งหลาย เฉพาะนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์เราควรเลือกให้เขากับสไลต์ที่เราต้องการด้วยถึงจะเหมาะสม