คงมีหลายๆ คนที่อยากรู้ที่มาของทรง Pompadour ว่าจริงๆ แล้วทรงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรและเริ่มต้นจากอะไร วันนี้ทาง Vast Original เลยมาทำบทความไขข้อสงสัยต่างๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงรูปแบบการจัดทรง Pompadour กัน
ที่มาของทรง Pompadour
ทรง Pompadour (ปอมปา ดัวร์) ชื่อของทรงถูกตั้งตามชื่อของ Madame de Pompadour (มาดาม เดอ ปอมปาดัวร์) เจ้าหญิงแห่งประเทศฝรั่งเศส ในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เมื่อปี ค.ศ. 1721-1764
และทรงนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ทรงอิทธิพลในเรื่องของแฟชั่นในสมัยนั่นเป็นอย่างมาก นั่นคือพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ทรงชื่นชอบทรงที่ ดัวเชสแห่งฟอนแทนเจส พระนางมารี แองเจลลิค เดอ สโครรายส์ (Marie Angélique de Scorailles) ทำอย่างมาก
เป็นทรงที่มีลักษณะปัดผมส่วนหน้าไปด้านหลัง ถ้าพูดเพียงเท่านี้ก็ดูจะธรรมดาไปแต่ทรงนี้มันจะมีการปัดผมด้านหน้าให้มีการทำให้พ่องมาด้านหน้าด้วยเล็กน้อยทำให้ผมดูมีวอลลุ่มและสวยงาม ซึ่งด้วยความชื่นชอบของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในทรงนี้จึงทำให้พระนางเริ่มทำทรงนี้แทบทุกวัน (จริงๆ การทำทรงนี้น่าจะมาจากการใส่วิกเพราะยุคนั้นนิยมใส่วิกอย่างมากใส่สังคมชั้นสูง) ต่อมาทรงนี้ก็ได้ชื่อว่า “Fontange” ซึ่งกระแสแฟชั่นของทรงนี้ก็ได้กินเวลานานไปอีกถึง 20 ปีเลยทีเดียว
ต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 สมัยของมาดาม เดอ ปอมปาดัวร์ ได้ทำทรงนี้ให้ต่ำลงแล้วปัดไปด้านหลัง แต่ก็ยังไม่ได้ถูกเรียกว่าทรงปอมปาดัวร์ แต่เทรนของชนชั้นสูงในยุคนั่นก็ได้นิยมทรงนี้เป็นอย่างมากยิ่งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในปี 1770 ถึง 1780 ช่วงที่พระนางมาเรีย อ็องตัวแน็ตแล้วนั่นทรงผมยิ่งทำให้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อบ่งบอกถึงความสวยงามและความสะดุดตา ก่อนที่กระแสแฟชั่นของชนชั้นสูงจะเริ่มลดน้อยถอยลงหลังการปฎิวัติ
การกลับมาอีกครั้งของทรง Pompadour
ในปี 1890 ลุคแบบกิบสันเกิร์ล (Gibson Girl) หรือผู้หญิงที่สวยในอุดมคติของยุคนั่น ความนิยมครั้งนี้ถือว่ายาวนานและยังเข้าไปในหมู่ของแฟชั่นของผู้ชายอีกด้วย ในปี 1925 อิทธิพลของทรงยังเข้าไปถึงนวนิยาย ต่างๆ อย่าง The Great Gatsby ในตัวละคร Jay Gatsby ในปี 1950 วงการเพลง Rock N Roll อย่าง Elvis Presley (เอลวิส เพรสลีย์) ในวงการนักแสดงสุดเท่อย่าง James Dean (เจมส์ ดีน)
ในช่วงนี้เองทรงผมแบบ Pompadour ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของเหล่า Greaser ซึ่งเราจะเห็นชื่อนี้ในกลุ่ม Pomade บ่อยๆ(วัฒนธรรมกลุ่มวัยรุ่น ชนชั้นล่าง ชนชั้นแรงงานในสหรัฐ โดยเฉพาะชาวอิตลาเลี่ยนอเมริกัน ชาวอเมริกันเชื้อสายลาตินในช่วง 1950-1960)
ในด้านของแฟชั่นผู้หญิง
การกลับมาของทรง Pompadour ของผู้หญิงเองก็ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 1890 – 1940 ถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ลักษณะของทรงปอมปาดัวร์ ในช่วงนี้จะมีการใช้ผมปลอมมาม้วนเข้าแล้วหวีกลับไปด้านหลัง
ในปัจจุบันของทรง Pompadour
ทรง Pompadour ได้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในหมู่วัยรุ่นผู้ชายจากความนิยมของ Vintage Style โดยเฉพาะในประเทศไทยของเราเอง ในช่วง 7-8 ปีที่แล้วด้วยกระแส วินเทจทั้งสไตล์การแต่งตัวและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ทำให้เราย้อนยุคกันไปอีกอย่างด้วยเหล่าดารา เซเลป ต่างๆ พากันทำผมทรงนี้จนทำให้เป็นกระแสมาได้พักใหญ่
แต่อันที่จริงแล้วทรงปอมปาดัวร์นั่นเราอาจจะทำให้มันดูร่วมสมัยมากขึ้น โมเดรินมากขึ้นได้ ด้วยการตัดและเซททรงที่แตกต่างออกไปจากวัถุดิบในอดีตที่ใช้น้ำมัน หรือ Oil Pomade ในการจัดแต่งทรงก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างในวีดีโอนี้
ลักษณะของทรง Pompadour
ทรงปอมปาดัวร์ นั่นมีลักษะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เราเห็นแล้วก็คงจะรู้ทันทีว่ามันคือทรงปอมปาดัวร์ นี่เอง โดย
- การทำทรงนี้ได้ต้องมีลักษณะผมด้านหน้าที่ยาวพอสมควร
- ผมด้านหน้าจะถูกเสยขึ้นไปด้านหลัง
- ผมด้านหน้าจะมีความพ่องให้เห็น
- ด้านข้างจะมีหวีเก็บไปด้านหลังไม่มีการพองออก
- ด้านหลังจะนิยมทำเป็น D.A. หรือ Ducktail, Duck’s ass หรือตูดเป็ด
จุดสำคัญของทรงนี้เลย นอกจากการตัดแล้วสิ่งสำคัญคือการเซ็ททรงเพราะรายละเอียดของการจัดทรง Pompadour นั่นต้องใช้ความชำนาญแต่ฝีมืออยู่พอสมควรเลยทีเดียว หลายๆ คนที่เคยได้ยินคำว่าตีปอม ก็คือการปัดผมด้านหน้าขึ้นไปนั่นแหละครับแต่จะตีออกมาแบบไหนก็อยู่ที่เราแล้ว
ไว้คราวหน้าจะมาทำบทความดีๆ ถึงที่มาของทรงผมและเรื่องราวให้ได้อ่านเล่นๆ กันอีกนะครับ ใครที่ชื่นชอบเรื่องราวก็สามารถติดตามได้ที่เพจและเว็บไซด์ด้านล่างนี้ได้เลย